Day 1
เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองอัลมาตี (Almaty) ประเทศคาซัคสถาน (Kazakhstan)
เราเริ่มออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติดอนเมือง (DMK) โดยเราจะบินไปยังเมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน กับสายการบิน Air Asia และจะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เที่ยวบินของเราออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติดอนเมือง เวลา 06:40 น. และมาถึงสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) เวลา 09:55 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 15 นาที
หลังจากมาถึงสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์แล้ว เราก็พักเครื่องที่สนามบินเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 55 นาที ก่อนจะขึ้นเครื่องบินต่อไปยังเมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน เที่ยวบินของเราออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) เวลา 12:50 น. และมาถึงสนามบินนานาชาติอัลมาตี (ALA) เวลา 18:45 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง 55 นาที เราขอแนะนำสำหรับการเดินทางแบบแวะเปลี่ยนเครื่องในอีกหนึ่งประเทศให้เราหาข้อมูลหรือมาตรการต่างๆของประเทศนั้นๆก่อน บางทีอาจจะมีเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น เช่น ต้องลงทะเบียนก่อนที่จะเข้าประเทศ 3 วัน
หลังจากมาถึงสนามบินนานาชาติอัลมาตี (ALA) เราผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง (คนไทยฟรี วีซ่า เที่ยวได้ถึง 30 วัน) และก็มารับสัมภาระ ซึ่งเราได้แลกเงินเป็นสกุลเงิน US ดอลลาร์มาจากประเทศไทย และเราก็ได้มาแลกเป็นเงินสกุลเทงเก(Tenge) อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับเงินบาทประมาณ 1 บาท เท่ากับ 15 เทงเก เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายและติดกระเป๋าไว้ จะมีเคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินในสนามบิน เราขอแนะนำให้แลกที่นี่ จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ไปยังที่พักของเราในใจกลางเมือง เราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเรียกแท๊กซี่เข้าไปในเมืองหรือไปที่โรงแรมให้เรียกรถผ่านแอป Yandex เพราะถ้าเรานั่งรถแท๊กซี่ที่มาถามเราหรือมารอด้านหน้าสนามบิน และจะมาเดินตามเราให้เราขึ้นรถ ซึ่งแท๊กซี่กลุ่มนี้จะโกงราคาแพงมาก เพราะถ้าเทียบกับราคาใน Yandex แล้วราคาแตกต่างกันหลายสิบเท่ามากในระยะทางเดียวกัน
ระหว่างที่เราอยู่ที่เมืองอัลมาตี เราพักที่ โรงแรม Grand Sapphire Hotel ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง ห้องพักสะอาด เดินทางสะดวกสบาย ในราคาไม่แพง ( 2,500-2,900 บาทต่อคืน ) หลังจากเช็คอินเข้าห้องพักแล้ว เราก็พักผ่อนหลังจากเดินทางไกลมาทั้งวัน
Day 2
ท่องเที่ยวในเมืองอัลมาตี (Almaty) และบินไปเมืองอัสตานา (Astana) ประเทศคาซัคสถาน (Kazakhstan)
สำหรับแผนการเดินทางท่องเที่ยวของเราได้จองเที่ยวบินไปเมืองอัสตานาในช่วงบ่าย 3 โมง เราจึงมีเวลาเที่ยวเมืองอัลมาตีเพียงครึ่งวันเท่านั้นก่อนจะต้องเดินทางไปยังสนามบิน เราจึงใช้เวลาช่วงเช้าเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ใจกลางเมืองอัลมาตี หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยซึ่งรวมอยู่ในราคาที่พักโรงแรม Grand Sapphire Hotel เราก็ออกเดินทางสำรวจเมือง สาเหตุที่เราอยู่ในเมืองอัลมาตีไม่นานเพราะขากลับเราจะบินกลับจากอัลมาตีซึ่งเรายังมีเวลาเหลือเที่ยวอีกครั้งตอนช่วงวันที่จะบินกลับ
ก่อนอื่น เราเดินจาก Grand Sapphire Hotel ไปยัง 28 Panfilov Guardsmen Park ที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้น เราใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการสำรวจบริเวณสวนสาธารณะและเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น Monument of Panfilov, Memorial of Glory และ Ascension Cathedral (เราได้แปะลิ้งก์ Google Maps ไว้ในชื่อของสถานที่สีฟ้าเพื่อง่ายในการเดินทาง)
หลังจากสำรวจ 28 Panfilov Gurdsmen Park แล้ว เราก็จอง Yandex Taxi (เหมือนกับ Grab ในประเทศไทย เราขอแนะนำแอปนี้ในการเรียกรถ เพราะง่ายสะดวกและปลอดภัย) ซึ่งไปที่ Kok Tobe Cable Car Station จากที่นี่ เราขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปยังภูเขา Kok Tobe ซึ่งเราเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของเมืองและใช้เวลาสำรวจ Kok Tobe Park สำหรับการใช้จ่ายในคาซัคสถานนั้นสะดวกสบายสามารถชำระค่าบริการในร้านต่างๆผ่านบัตรเครดิตเพียงแตะก็ชำระได้เลย แต่ถ้าเป็นร้านในตลาด ร้านท้องถิ่นก็ต้องใช้เงินสด
หลังจากใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงบนภูเขา Kok Tobe เราก็นั่งกระเช้ากลับลงมาและเดินไปที่ Kazakhstan Hotel ที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงของเมือง ที่จะเห็นชัดสูงตระหง่านใจกลางเมือง เป็นรูปแบบโรงแรมในแบบโซเวียต
เนื่องจากเรามาเที่ยวเมืองอัลมาตีในช่วง Nauryz (วันเฉลิมฉลองปีใหม่) เราจึงโชคดีที่ได้สัมผัสประสบการณ์งานเฉลิมฉลองบางส่วนในเมือง ใกล้กับสถานีกระเช้าลอยฟ้า Kok Tobe เราเดินดูรอบๆ ก่อนที่จะนั่งแท็กซี่ Yandex กลับไปยังที่พักของเราที่ Grand Sapphire Hotel
เมื่อเราไปถึงที่พักแล้ว เราได้หาร้านเพื่อทานอาหารก่อนที่ร้านอาหารใกล้ๆ ชื่อว่า Teahouse Restaurant (Чайхана) ซึ่งเราได้สั่งเป็นเมนู Manti (เกี๊ยว) และ Plov (ข้าวผัด) ก่อนที่จะกลับไปที่ Grand Sapphire Hotel เพื่อเก็บกระเป๋าและนั่งแท็กซี่ Yandex ไปยังสนามบินอัลมาตีเพื่อขึ้นเครื่องบินไปอัสตานา
เที่ยวบินของเรากับสายการบิน Fly Arystan ออกเดินทาง Almaty International Airport (ALA) เวลา 15:25 น. และมาถึง Nursultan Nazarbayev International Airport (NQZ) ในเมือง Astana เวลา 17:10 น. หลังจากบินเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที เมื่อเราออกจากอัลมาตี อากาศมีฝนตก อุณหภูมิ 6 องศา และเมื่อเราไปถึงอัสตานา อุณหภูมิอยู่ที่ -2 องศา เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่ทางเหนือมากกว่า ดังนั้นจึงหนาวเย็นกว่ามาก
และเราก็เดินทางมาถึงเมืองอัสตานาซึ่งอากาศจะหนาวมาก อุณหภูมิแบบติดลบ เราจำเป็นที่จะต้องใส่เสื้อกันหนาวเพิ่ม และจากสนามบินอัสตานา เราขึ้นแท็กซี่ Yandex ไปยังที่พักของเราที่ โรงแรม Best Western Plus Astana
โรงแรม Best Western Plus Astana ซึ่งเราขอแนะนำสำหรับนักเดินทางที่มาเที่ยวที่เมืองนี้ เนื่องจากที่พักสะอาดมากและสะดวกสบาย มีบุฟเฟต์อาหารเช้าแสนอร่อย นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ในบริเวณใจกลางเมืองและใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆมากมายอีกด้วย
หลังจากเช็คอินห้องพักและเก็บของเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเล่นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ และหาร้านอาหารอร่อยๆสำหรับช่วงเย็น ซึ่งเราอาจจะเสิร์ชหาข้อมูลมาก่อนเพราะถ้ามาเดินหาเลือกร้านเพราะอากาศหนาวมาก
เราได้เลือกทานอาหารที่ร้านอาหารท้องถิ่นชื่อ Aq-Anyz Restaurant (Ресторан Aq-Anyz Z-1) ซึ่งเราได้ลองชิมรสชาติกับเมนูเนื้อแกะและเนื้อวัวแสนอร่อย สำหรับการชำระเงินของที่นี่ก็สะดวกสบายสามารถใช้บัตรเครดิตได้ เมื่ออิ่มอร่อยแล้วเราก็เดินกลับที่พักของเราที่ Best Western Plus Astana เพื่อพักผ่อนในคืนนั้น
Day 3
ท่องเที่ยวในเมืองอัสตานา (Astana)
ในวันที่สามของการเดินทาง เราวางแผนว่าจะใช้เวลาทั้งวันในการสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองอัสตานา โดยใช้แอป Yandex Go เพื่อจองรถเพื่อพาเราไปรอบๆ เมือง จุดแวะแรกของเราคือ Grand Mosque of Astana ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในคาซัคสถานและเอเชียกลาง ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้มาเยือนเมืองอัสตานาทุกคนควรไปเยี่ยมชม เราขอแนะนำให้เตรียมแว่นกันแดดมาด้วยเพราะแสงแดดเมื่อโดนหิมะจะทำให้เราแสบตามาก
หลังจากใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการสำรวจมัสยิดใหญ่แห่งอัสตานา เราก็ขึ้นแท็กซี่ Yandex ไปที่ International Exhibition Center EXPO ที่อยู่ใกล้ๆ เพราะเราได้ยินมาว่านี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การสัมผัสประสบการณ์การเฉลิมฉลองปีใหม่ของท้องถิ่นที่เรียกว่า Nauryz เนื่องจากมีนิทรรศการที่แสดงดนตรีท้องถิ่น การเต้นรำ อาหาร เสื้อผ้า และงานหัตถกรรม
หลังจากเพลิดเพลินไปกับการเฉลิมฉลอง Nauryz ที่ International Exhibition Center EXPO แล้ว เราก็ใช้เวลาเดินเล่นไปรอบๆ EXPO Park ซึ่งได้รับการตกแต่งเพื่อเฉลิมฉลอง Nauryz เช่นกัน
จุดต่อไปของเราคือ Nur Alem Museum ซึ่งเป็นอาคารทรงกลมสวยงามที่มีจัดแสดงเกี่ยวกับแหล่งพลังงานทางเลือกซึ่งมีทั้งหมด 8 ชั้น ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละจุดที่เราไปนั้นอยู่ในบริเวณเดียวกันจึงง่ายในการเดินเที่ยวแบบรอบๆ
หลังจากสำรวจพิพิธภัณฑ์ Nur Alem แล้ว เราก็ขึ้นแท็กซี่ Yandex เพื่อไปที่ Khan Shatyr ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเมืองอัสตานาที่สร้างเป็นรูปร่างคล้ายๆเต็นท์
ขณะที่เราอยู่ในศูนย์การค้า Khan Shatyr Mall เราได้แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร Ozyurt ซึ่งเราได้ลองชิมรสชาติซุปและเคบับแสนอร่อย
หลังจากที่เราได้ทานอาหารกลางวันและช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า Khan Shatyr แล้ว เราได้เดินชมบรรยากาศรอบเมือง ไปที่ Astana Opera House ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า แต่ก็น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ แต่เราใช้เวลาสักพักในการชื่นชมอาคารที่สวยงามและเดินเล่นรอบๆ Lovers Park ซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะ
จากนั้นเราขึ้นแท็กซี่ Yandex ไปที่ National Museum of Kazakhstan ซึ่งเราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการสำรวจนิทรรศการมากมายที่บอกเล่าประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจของคาซัคสถาน เราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคาซัคสถานในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
หลังจากช่วงบ่ายได้เรียนรู้เรื่องราวที่น่าสนใจที่ National Museum of Kazakhstan เราก็เดินเล่นไปที่ Independence Square อยู่ใกล้ๆกัน จากนั้นก็ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นเพื่อซื้ออาหารและของว่างสำหรับมื้อเย็น และจากนั้นเราก็โดยสาร Yandex กลับไปยังที่พักของเราที่ Best Western Plus Astana เพื่อพักผ่อน เพราะวันรุ่งขึ้นเราต้องบินจากอัสตานาไปยังเมืองทาชเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน
Day 4
ท่องเที่ยวในเมืองอัสตานา (Astana) และเดินทางไปเมืองทาชเคนต์ (Tashkent) ประเทศอุซเบกิสถาน (Uzbekistan)
สำหรับวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของเราในเมืองอัสตานา เราจึงได้วางแผนเพื่อไปชมสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องไปเมืองทาชเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยที่โรงแรม Best Western Plus Astana แล้ว เราก็เดินไปที่ Baiterek Tower ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเราได้เดินเล่นรอบๆกับบรรยากาศอันหนาวเย็นแต่ก็สวยงามมาก และเราได้ขึ้นไปชมวิวบนจุดชมวิวที่สำคัญของเมืองนี้ด้วย
หลังจากเยี่ยมชม Baiterek แล้ว เราก็ขึ้นแท็กซี่ Yandex ไปที่ Palace of Peace and Reconciliation ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองอัสตานาต้องแวะเยี่ยมชม ขณะที่เราอยู่ที่นั่น เราก็ได้เข้าร่วมทัวร์พร้อมไกด์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอาคารและงานกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นที่นั่น ซึ่งน่าสนใจมาก เราอยากจะเดินชมรอบๆให้นานกว่านี้ แต่ด้วยเวลาที่เรามีอย่างจำกัด ซึ่งเราต้องกลับมาเช็คเอาท์จากโรงแรมภายในเที่ยงวัน เพื่อเดินทางต่อ
หลังจากสำรวจ Palace of Peace and Reconciliation แล้ว เราก็ขึ้นแท็กซี่ Yandex กลับไปที่ Best Western Plus Astana เพื่อเช็คเอาท์จากห้องของเรา ก่อนจะขึ้นแท็กซี่ Yandex อีกคันไป Astana International Airport (NQZ)
เมื่อเราเดินทางมาถึง Astana International Airport (NQZ) แล้ว เราก็ไปเช็คอินเที่ยวบินกับสายการบิน Uzbekistan Airways จากนั้นก็ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเพื่อรอขึ้นเครื่องในอาคารผู้โดยสาร
เที่ยวบินของเรากับสายการบินอุซเบกิสถานแอร์เวย์ออกเดินทางจาก Astana International Airport (NQZ) เวลา 16:45 น. และมาถึง Tashkent International Airport (TAS) เมืองทาซเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน เวลา 18:45 น. หลังจากใช้เวลาบินเพียง 2 ชั่วโมง สำหรับการเดินทางของเราไปยังอีกหนึ่งประเทศคือ ประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งประเทศนี้สำหรับคนไทยที่จะมาเที่ยวต้องมีการยื่นขอวีซ่าออนไลน์ก่อน ในการยื่นขอวีซ่าออนไลน์ใช้เวลาประมาณ 3 วัน เมื่อเราไดรับอนุมัติวีซ่าเราก็พิมพ์ออกมาเอาไว้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้เลย
หลังจากมาถึงสนามบินแล้ว เราก็ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง และเราก็แลกเงิน US ดอลล่าร์ เป็นเงินของที่นี่ แนะนำให้แลกเงินในสนามบินจะได้เรทดีและปลอดภัย และอีกสิ่งหนึ่งที่เราขอแนะนำก็คือการเรียกแท๊กซี่ให้เรียกผ่าน Yendex เพราะถ้าเป็นแท๊กซี่ในสนามบินราคาจะแพงกว่าปกติมากๆ และเราก็เรียกแท็กซี่ Yandex ไปยังที่พักของเราที่ Hotel Uzbekistan เป็นโรงแรมที่อยู่ในใจกลางเมือง
หลังจากเช็คอินห้องที่ Hotel Uzbekistan เป็นโรงแรมในแบบโซเวียตที่เปิดให้บริการมานานแล้ว ภายในห้องจะเก่าหน่อย และเฟอร์นิเจอร์บางอันก็จะชำรุด แต่สำหรับ Location ถือว่าอยู่ใจกลางเมืองเดินทางง่ายและอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆด้วย เมื่อเราเก็บกระเป๋าแล้ว เราก็ได้ออกไปเดินเล่นสำรวจพื้นที่รอบๆและหาร้านอาหารเย็น เพื่อลองชิมอาหารของประเทศอุซเบกิสถาน
เราได้มาลองทานอาหารมื้อค่ำอันแสนอร่อยที่ Cafe 1991 ซึ่งเป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีตกแต่งสวยงามที่เสิร์ฟอาหารอุซเบกท้องถิ่นและอาหารเอเชียกลางอื่นๆ ซึ่งเป็นร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก และร้านนี้อาหารราคาไม่แพง เมื่อเที่ยบกับบรรยากาศและการบริการที่ได้รับ ถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคา และสำหรับการใช้จ่ายที่ประเทศอุซเบกิสถานก็สะดวกสบายเช่นเดียวกันสามารถใช้บัตรเครดิตได้เลยแต่จะมีความแตกต่างจากคาซัคสถานคือที่นี่เมื่อใช้บัตรเครดิตชำระที่อุซเบกิสถานต้องใช้คู่กับรหัส Pin ดังนั้นเราควรเข้าในแอปของบัตรเครดิตและตั้งรหัส Pin ไว้ด้วย
หลังจากลิ้มลองรสชาติทานอาหารเย็นแสนอร่อยของที่นี่แล้ว เราก็เดินกลับไปที่ Hotel Uzbekistan เพื่อพักผ่อนสำหรับในค่ำคืนนี้
Day 5
ท่องเที่ยวในทาชเคนต์ (Tashkent)
ในวันที่ 5 ของการเดินทาง เราทานอาหารเช้าที่ Hotel Uzbekistan จากนั้นเริ่มต้นของวันด้วยการเดินเล่นที่ Amir Temur Square ที่อยู่ใกล้ๆ และรอบๆ ใจกลางเมืองเพื่อชมอาคารที่สวยงามบางแห่ง
หลังจากเดินมาประมาณหนึ่งชั่วโมง เราก็แวะที่ร้านกาแฟท้องถิ่นชื่อ Florya Cafe ซึ่งเราได้จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้ว ก่อนที่จะออกเดินทางสำรวจเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆต่อไป
หลังจากเห็นรูปสวยๆ ของสถานีรถไฟใต้ดินในเมืองทาชเคนต์บนอินสตาแกรมมากมายแล้ว เราก็ตัดสินใจว่าอยากจะไปสำรวจดูบ้าง เราจึงใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการนั่งรถไฟและแวะถ่ายรูปตามสถานีต่างๆ ตั๋วโดยสารราคาเพียง 1,400 ซอมอุซเบก (4 บาท) สำหรับทุกเส้นทาง และคุณสามารถลงรถและถ่ายรูปสถานีใดก็ได้โดยไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่
หลังจากเดินสำรวจรถไฟใต้ดินในเมืองทาชเคนต์จนเหนื่อยในตอนเช้าแล้ว เราก็ไปซื้อของที่ระลึกที่ตลาด Chorsu Bazaar ตลาดแห่งนี้ใหญ่โตมาก มีสินค้าเซรามิก เสื้อผ้า และงานหัตถกรรมวางขายอยู่ด้านนอก ส่วนผลไม้ ถั่ว ผัก และเนื้อสัตว์วางขายอยู่ข้างใน เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การสัมผัสวิถีชีวิตประจำวันของคนในท้องถิ่นในเมืองแห่งนี้
หลังจากที่เราได้เดินดูรอบๆตลาด Chorsu Bazaar แล้ว เราก็เริ่มหิวแล้ว จึงได้เริ่มหาร้านอาหารแถวๆนั้นเราได้เดินไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ ชื่อว่าร้าน Lagman House ซึ่งเราได้เพลิดเพลินกับ lagman ขนมปัง และชาอุซเบกแสนอร่อย
หลังจากที่เราได้เติมพลัง อิ่มอร่อยกับอาหารกลางวันแล้ว เราก็ได้เรียกรถ Yandex ไปที่ Tashkent TV Tower ซึ่งเราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอาคารเพิ่มเติม และได้ไปชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองที่จะได้เห็นภาพมุมสูงรอบๆเมืองที่สวยงามของเมืองทาชเคนต์และภูเขารอบๆเมืองแห่งนี้
ตอนเย็นเราใช้เวลาเดินเล่นรอบๆ ย่าน Tashkent Broadway Alley ก่อนจะรับประทานอาหารค่ำแสนอร่อยที่ร้านอาหาร Keebon Lounge
หลังจากที่เราได้ทานอาหารเย็นแสนอร่อยแล้ว เราก็เดินกลับไปที่ Hotel Uzbekistan เพื่อพักผ่อนและนอนหลับในคืนนั้น ร้านอาหารที่เราเลือกมาทานจะอยู่ใกล้ๆโรงแรมที่เราพัก ใช้เวลาเดินไม่นาน
Day 6
รถไฟจากเมืองทาชเคนต์ (Tashkent) ไปยังเมืองซามาร์คันด์ (Samarkand) ประเทศอุซเบกิสถาน (Uzbekistan) และท่องเที่ยวในเมืองซามาร์คันด์ (Samarkand)
ในวันที่ 6 กับการเดินทางของเรา วันนี้เราตื่นแต่เช้า ทานอาหารเช้าที่ Hotel Uzbekistan จากนั้นนั่งแท็กซี่ Yandex ไปยังสถานีรถไฟกลางทาชเคนต์ (Stantsiya Tashkent Pass Tsentr) เพื่อขึ้นรถไฟไปเมืองซามาร์คันด์
รถไฟของเราออกเดินทางจากเมืองทาชเคนต์เวลา 07:24 น. และมาถึงเมืองซามาร์คันด์เวลา 09:37 น. หลังจากใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง 13 นาที
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ เราได้จองตั๋วโดยสารรถไฟความเร็วสูงของอุซเบกิสถานชื่อ Afrosiyob เราสามารถจองตั๋วได้อย่างง่ายดายผ่านแอป Uzrailway Tickets
หากคุณต้องการเดินทางด้วยรถไฟในอุซเบกิสถาน เราขอแนะนำให้คุณจองตั๋วอย่างน้อยหนึ่งเดือนล่วงหน้า เนื่องจากที่นั่งอาจขายหมดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบนรถไฟความเร็วสูง Afrosiyob
หลังจากมาถึงสถานีรถไฟซามาร์คันด์แล้ว เราก็ขึ้นแท็กซี่ Yandex ไปยังที่พักของเราที่ Jahongir Guesthouse ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเก่าของเมืองซามาร์คันด์
เนื่องจากเรายังเช็คอินห้องไม่ได้ เราจึงฝากสัมภาระไว้แล้วเดินไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ ชื่อร้าน Shokhrukh Nur Restaurant เพื่อทานอาหารกลางวันกันก่อน
หลังจากที่เราทานอาหารกลางวันอิ่มแล้ว เราก็เดินไปที่ Registan Square ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของซามาร์คันด์ โดยเราจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเดินสำรวจบริเวณนี้ เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองซามาร์คันด์
ภายในบริเวณ Registan Square เราได้เพลิดเพลินกับการเลือกของที่ระลึกและจิบน้ำชายามบ่ายอันผ่อนคลายที่ร้านชาด้านในซึ่งมีทิวทัศน์อันสวยงาม ก่อนที่เราจะมุ่งหน้ากลับไปเช็คอินห้องพักที่ Jahongir Guesthouse และพักผ่อนสักครู่ก่อนที่จะไปเดินเที่ยวต่อ
ตอนเย็นเราเดินไปที่ร้านอาหาร Old Havus Restaurant ซึ่งเรามาทานอาหารเย็นแสนอร่อยในบรรยากาศอันสวยงามเมนูมีให้เลือกเยอะมากโดยเฉพาะเมนูเนื้อที่มีทุกแบบให้เลือกเลย และก่อนที่เราจะกลับไปที่ Jahongir Guesthouse เพื่อนอนพักผ่อนสำหรับค่ำคืนนี้ที่ซามาร์คันด์
Day 7
ท่องเที่ยวในเมืองซามาร์คันด์ (Samarkand) และรถไฟไปยังเมืองบูคารา (Bukhara) ประเทศอุซเบกิสถาน (Uzbekistan)
เราเริ่มวันที่สองในซามาร์คันด์แต่เช้าด้วยอาหารเช้าแบบอุซเบกที่ทำเองที่บ้านแสนอร่อยที่ Jahongir Guesthouse ก่อนที่เราจะออกเดินทางสำรวจเมืองเพิ่มเติม
ก่อนที่เราจะ Check Out ออกจากที่พักของเรา เราวางแผนไว้สำหรับการใช้เวลาในช่วงเช้าเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่น่าสนใจรอบๆเมืองซามาร์คันด์ และจากที่พักของเรา เราเดินไปที่ไปที่ Rukhobod Mausoleum ระยะทางอาจจะไกลนิดนึงแต่ก็เดินง่ายและได้เดินชมเมืองรอบๆก่อนถึงจุดหมาย
หลังจากเยี่ยมชมสุสาน Rukhobod แล้ว เราก็ไปที่สุสาน Amir Temur Mausoleum ที่อยู่ใกล้เคียง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้ามาชมเป็นจำนวนมากและด้านในก็จะมีของที่ระลึก ของฝากให้เราเลือกซื้อเยอะเลย ถ้าสนใจชื้นไหนก็อย่าลืมต่อรองราคาด้วยนะ
หลังจากเยี่ยมชมสุสานที่โด่งดังที่สุดสองแห่งของซามาร์คันด์แล้ว เราก็ขึ้นแท็กซี่ Yandex ไปที่ Avesto Cafe ที่ได้รับการแนะนำอย่างยิ่ง ซึ่งเราได้แวะพักกับกาแฟ เค้ก และขนมอร่อยๆ
จากนั้นเราก็เรียกรถ Yandex ไปที่ Shah-i-zinda ซึ่งเป็นสุสานของชาวมุสลิม เราใช้เวลาที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อสำรวจพื้นที่และเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่และผู้คนที่ถูกฝังอยู่ที่นั่นในอดีต
จาก Shah-i-zinda เราเดินไปที่ Hazrat Khizr Mosque อยู่ในโซนใกล้ๆกัน ใช้เวลาเดินไม่นาน ซึ่งในเมืองนี้ได้มีการทำทางเดินไว้ได้อย่างสะดวกสบายในการเดินชมสถานที่ต่างๆ
หลังจากสำรวจ Hazrat Khizr Mosque แล้ว เราก็เดินไปที่ Bibi-Khanym Mosque ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันเพียงเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งก็จะเจอเลย
หลังจากสำรวจ Bibi-Khanym Mosque แล้ว เราก็เดินกลับไปยัง Registan Square และใช้เวลาช่วงเย็นเพื่อนั่งพักและลองชิมไอศกรีมที่ Sogdiana Registan Cafe พร้อมกับชมวิวพระอาทิตย์ตกเหนือ Registan Square
และจากนั้นเราก็ได้ค้นหาร้านอาหารในช่วงเย็นและเราไปทานอาหารเย็นที่ Emirhan Restaurant ที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับได้ชมทิวทัศน์จากด้านหลังของ Registan Square ในยามค่ำคืน
หลังจากที่เราทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เราได้กลับไปที่ Jahongir Guesthouse เพื่อเก็บกระเป๋าก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยัง Samarkand Train Station เพื่อขึ้นรถไฟรอบดึกไปยังเมือง Bukhara
รถไฟของเราออกเดินทางจากซามาร์คันด์เวลา 21:43 น. และมาถึงสถานีรถไฟบูคฮาราเวลา 23:26 น. หลังจากเดินทางเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 43 นาที
จากสถานีรถไฟบูคารา เราขึ้นแท็กซี่ Yandex ไปยังใจกลางเมืองบูคารา ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15 กม. เพื่อเช็คอินที่พักของเราที่ Naqshband Hotel หลังจากเช็คอินห้องของเราที่ Naqshband Hotel แล้ว เราก็เข้านอนเพื่อพักผ่อนก่อน เพราะจากการเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางท่องเที่ยวมาทั้งวัน
Day 8
ท่องเที่ยวในเมืองบูคารา (Bukhara) และนั่งรถไฟกลับไปยังเมืองทาชเคนต์ (Tashkent)
เนื่องจากเราต้องขึ้นรถไฟกลับไปยังเมืองทาชเคนต์ในช่วงบ่าย เราจึงมีเวลาสำรวจเมืองบูคฮาราเพียงสั้นๆ ดังนั้นเราจึงตื่นแต่เช้า และทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็วที่ Naqshband Hotel เช็คเอาท์จากห้องพักและเก็บกระเป๋าก่อนจะออกไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมือง
ก่อนอื่นเราไปที่สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งของบูคารา ชื่อว่า Ark of Bukhara ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบาย โดยใช้เวลาเดินไม่นานจากที่พักของเรา Naqshband Hotel
หลังจากสำรวจ Ark of Bukhara เราก็เดินไปที่ Bolo Hauz Mosque ที่อยู่ใกล้ๆกัน เพียงเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งก็จะเจอ
จาก Bolo Hauz Mosque เราเดินต่อไปยัง Kalan Mosque เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเมือง Bukhara และสถานที่ท่องเที่ยวหลักส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กันในระยะที่สามารถเดินถึงกันได้
หลังจากสำรวจมัสยิดในช่วงเช้าแล้ว เราได้เดินทางไปที่ร้าน Oriental Tea House ซึ่งเราได้ลองลิ้มชิมรสชาติกับมื้อกลางวันแบบอุซเบกดั้งเดิมและเครื่องดื่มอันแสนอร่อย
หลังจากทานอาหารกลางวันแสนอร่อยแล้ว เราตัดสินใจใช้เวลาชั่วโมงถัดไปในการสำรวจ Toqi Zargaron ซึ่งเป็นตลาดค้าขายเก่าแก่ที่ยังคงเปิดดำเนินการมาจนถึงปัจจุบันเป็นตลาดที่ขายงานหัตถกรรม ขนมอุซเบก และของที่ระลึกท้องถิ่น
หลังจากที่ได้เดินช้อปปิ้งดูของและสำรวจตลาดที่สวยงาม ซึ่งตลาดก็มีพื้นที่ที่ใหญ่เหมือนกัน และก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับไปที่โรงแรม Naqshband Hotel เพื่อไปรับสัมภาระเพื่อเดินทางต่อในวันนี้ จาก Naqshband Hotel เราเรียกรถ Yandex ไปยัง Bukhara Train Station
รถไฟของเราออกจากสถานีบูคาราเวลา 16:23 น. และมาถึงสถานีทาชเคนต์เวลา 22:50 น. หลังจากใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง 27 นาที น่าเสียดายที่เราไม่สามารถจองรถไฟความเร็วสูงสำหรับการเดินทางครั้งนี้ได้ แต่รถไฟแบบธรรมดาก็สะดวกสบายและสะอาดมาก
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เราต้องขึ้นรถไฟกลับเมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถานแต่เช้า แต่เราตัดสินใจว่าจะหาโรงแรมราคาถูกเพื่อจะได้นอนหลับสักสองสามชั่วโมงและอาบน้ำ ดังนั้นเราจึงเรียกรถ Yandex จากสถานีรถไฟทาชเคนต์ไปยัง Hotel Evita เพื่อพักผ่อนสำหรับค่ำคืนนี้
Day 9
รถไฟจากทาชเคนต์ (Tashkent) ประเทศอุซเบกิสถาน (Uzbekistan) ไปยังอัลมาตี (Almaty) ประเทศคาซัคสถาน (Kazakhstan)
หลังจากนอนหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงและเราต้องรีบตื่น เราก็เรียกรถ Yandex จาก Hotel Evita กลับไปที่สถานีรถไฟ Tashkent เพื่อขึ้นรถไฟจากทาชเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน ไปยังเมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน
รถไฟออกเดินทางจากทาชเคนต์เวลา 04:30 น. และมาถึงอัลมาตีในวันเดียวกันเวลา 22:00 น. หลังจากเดินทางเป็นเวลา 17 ชั่วโมง 30 นาที โชคดีที่เราสามารถจองห้องส่วนตัวชั้นหนึ่งล่วงหน้าได้ในราคาประมาณ 2,300 บาทต่อคน ซึ่งทำให้การเดินทางอันยาวนานของเราสะดวกสบายมาก
รถไฟต้องหยุดทั้งสองฝั่งของชายแดนอุซเบกิสถานและคาซัคสถาน และทหารกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ขึ้นรถไฟพร้อมสุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจสอบเอกสารและสัมภาระของเรา ตอนแรกเราค่อนข้างกังวลเพราะเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ไม่มากนัก แต่เราทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และแสดงเอกสารต่างให้ครบ ก็ทำให้เราผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองได้เร็วขึ้น
การนั่งรถไฟจากทาชเคนต์ไปอัลมาตีใช้เวลานาน แต่ห้องส่วนตัวสะอาดมากและกว้างขวาง นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำที่สะอาด และร้านอาหาบนรถไฟอีกด้วย
หลังจากมาถึงสถานีรถไฟอัลมาตีเวลาประมาณ 22:00 น. เราได้เรียกรถ Yandex ไปที่ Grand Sapphire Hotel ที่เราพักไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อพักผ่อนในคืนนี้ เป็นโรงแรมที่เราเคยพักแล้วในวันแรกที่มาถึง เราเลือกพักอีกครั้งเพราะว่าเรารู้สถานที่รอบๆแล้ว ก็ง่ายยิ่งขึ้นในการเดินทาง
Day 10
ท่องเที่ยวในอัลมาตี (Almaty) และบินไปกรุงเทพฯ
สำหรับวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของทริปคาซัคสถานและอัลมาตีของเรา ดังนั้นเราจึงตัดสินใจตื่นเช้าเพื่อทานอาหารเช้าที่ Grand Sapphire Hotel จากนั้นก็เรียกรถ Yandex ไปยัง Medeu Cable Car Station ซึ่งอยู่ห่างออกไป 15 กม. เพื่อเดินทางเข้าไปในภูเขาและใช้เวลาทั้งวันในสกีรีสอร์ท
หลังจากมาถึง Medeu Cable Car Station แล้ว เราก็ซื้อตั๋วขากลับเพื่อไปยังชั้นสูงสุดของ Shymbulak Ski Resort ซึ่งต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าแยกกัน 3 ครั้ง คือ นั่งกระเช้าขึ้นไปเรื่อยๆจะมีจุดให้เปลี่ยนกระเช้าเพื่อขึ้นไปในพื้นที่ที่สูงขึ้นทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน
เนื่องจากเราเดินทางไปเยี่ยมชมในช่วงปลายเดือนมีนาคม เราจึงไม่แน่ใจว่า Shymbulak Ski Resort จะมีหิมะตกมากหรือไม่ เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูสกี แต่เราได้ขึ้นมาที่สกีรีสอร์ทพบว่ามีหิมะจำนวนมากในแต่ละชั้น และเป็นเช้าที่ดีมากที่เราเลือกมาที่นี่อากาศหนาวมากในการสำรวจสกีรีสอร์ท แต่ได้เจอหิมะและวิวอันสวยงามของที่นี่
หลังจากใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการเดินชมรอบๆของที่นี่แล้ว เราก็ทานอาหารกลางวันแสนอร่อยในร้านอาหารแห่งหนึ่งจากหลายๆ ร้านที่ Shymbulak Ski Resort ชื่อว่า Chalet Restaurant
หลังจากที่เราได้ทานอาหารกลางวันที่แสนอร่อยแล้ว เราก็เดินทางกลับไปยังภูเขาสู่ Medeu Cable Car Station
จาก Medeu Cable Car Station เราเรียกรถจาก Yandex กลับไปที่ Grand Sapphire Hotel เพื่อเก็บกระเป๋าและเช็คเอาท์จากที่พักของเรา ก่อนที่จะเรียก Yandex ไปยัง Almaty International Airport
หลังจากมาถึงสนามบินอัลมาตีแล้ว เราก็เช็คอินขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ผ่านกัวลาลัมเปอร์กับ Air Asia เที่ยวบินของเราออกเดินทางจากอัลมาตีเวลา 19:05 น. และถึงกัวลาลัมเปอร์เวลา 06:05 น.หลังจากเดินทางมาถึงกัวลาลัมเปอร์แล้ว เรามีเวลาพักเครื่องอีก 4 ชั่วโมง 35 นาที ก่อนที่จะออกเดินทางในเวลา 10:40 น. โดยเที่ยวบิน Air Asia สู่กรุงเทพฯ ซึ่งถึงสนามบินดอนเมืองในเวลา 11:55 น.
หากต้องการจองวางแผนการเดินทางไปคาซัคสถานและอุซเบกิสถาน กับเที่ยวบินที่คุ้มค่า คุ้มราคาสามารถเช็คราคาได้ตลอดเวลา เราขอแนะนำให้จองผ่าน Trip.com
สำหรับการจองที่พักในคาซัคสถานและอุซเบกิสถาน เราขอแนะนำให้จองผ่าน Agoda เพราะมีทั้งส่วนลดและ Cash Back พร้อมกับโปรโมชั่นดีๆอย่างต่อเนื่อง ที่จะช่วยให้ประหยัดได้อีกเยอะเลย และมีที่พักหลากหลายและราคาไม่แพง
#aworldexplored #kazakhstan #uzbekistan #travelkazakhstan #traveluzbekistan #almaty #astana #nursultan #shymbulak #tashkent #samarkand #bukhara #centralasia #travelcentralasia #เที่ยวคาซัคสถาน #คาซัคสถาน #อัลมาตี #อัสตานา #เที่ยวอุซเบกิสถาน #อุซเบกิสถาน #ทาซเคนด์ #ซามาคันด์ #บุคารา #เอเชียกลาง #เที่ยวเอเชียกลาง
Comments