top of page
รูปภาพนักเขียนBeau Pennycook

การเดินทางท่องเที่ยวเมืองโตเกียว ด้วยตัวเอง 3 วัน 2 คืน ที่กิน ที่พัก ที่เที่ยว

อัปเดตเมื่อ 15 เม.ย. 2566


สำหรับด้วยเวลาที่มีอย่างจำกัดและเราจะมีเวลาในการจัดทริปท่องเที่ยวให้ดีพอดีกับเวลา เรากังวลกับเรื่องนี้ แต่พอเรามาเจอกับโปรโมชั่นที่สุดคุ้มกับตั๋วเครื่องบินที่คุ้มค่ากับการเดินทางเพียง 3 วัน เวลาจึงไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเรา และในครั้งนี้ โตเกียวก็เป็นอีกเมืองที่คนไทยชอบมาเที่ยวเป็นอย่างมากและเที่ยวบินก็มีตลอดๆที่สำคัญก็คือ ตั๋วโปรมีมาให้กดแบบไม่ขาดสาย และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้ตั๋วราคาสุดคุ้มมา และเราพร้อมที่จะไปสำรวจเมืองโตเกียวกันเลย

เดินทางกรุงเทพฯ - โตเกียว

เราจองเที่ยวบินกับ สายการบิน Scoot ที่ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองในกรุงเทพฯ เราเดินทางในวันเสาร์ เวลา 00:45 น. และถึงสนามบินนาริตะในโตเกียว เวลา 08:50 น. เที่ยวบินขากลับของเราออกจากสนามบินนาริตะในโตเกียวเวลา 10.00 น. ในเช้าวันจันทร์ และถึงสนามบินดอนเมืองในกรุงเทพฯ เวลา 13:50 น. ในช่วงบ่าย ทำให้เราได้ใช้เวลา 2 วันเต็ม 2 คืนในการสำรวจโตเกียว ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ระยะเวลา แต่เนื่องจากตั๋วราคาเพียง 4,600 บาท ซึ่งเราคิดว่าคุ้มค่ามาก ( ตั๋วราคาพิเศษขึ้นอยู่กับช่วงเวลาซีซั่นการเดินทาง)

ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะจัดเตรียมและสรุปแผนการเดินทางของเราสำหรับการเดินทาง 3 วัน 2 คืนในโตเกียว รวมถึงค่าใช้จ่ายหลักของเรา ยังไม่รวมค่าอาหารและการช้อปปิ้ง


วันที่ 1: กำหนดการเดินทาง

หลังจากใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 5 นาทีกับสายการบิน Scoot เราก็มาถึงสนามบินนาริตะในโตเกียวเวลา 08:50 น. เราผ่านตม.แล้วก็นั่งรถไฟความเร็วสูง Keisei Skyliner จากสนามบินนาริตะไปยังสถานีอุเอโนะ เมื่อเราไปถึงในเมืองประมาณ 10 โมงเช้า ซึ่งเรายังไม่สามาถเช็คอินที่โรงแรมได้ เราก็เลยใช้วิธีฝากกระเป๋าที่ล็อกเกอร์ในสถานี Ueno(อุเอโนะ) จากนั้นเราก็เดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อไปรับ Suica IC Card (เป็นบัตรโดยสารรถไฟ) ซึ่งเราสามารถจองซื้อบัตรเดินทางนี้ผ่าน Klook ได้เลย ง่ายและสะดวกมาก เพราะสามารถใช้เดินทางโดย รถไฟ JR ในเขตโตเกียว

สถานที่แรกที่เราไปเยี่ยมชมคือสวน Ueno ที่อยู่ใกล้เคียง เราใช้เวลา 3 ชั่วโมงถัดไปในการเดินไปรอบๆ สวน Ueno และลองชิมเมนูจากร้านขายอาหาร street food และเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวมากมายภายในบริเวณสวน Ueno เช่น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว,พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ Kaneiji Temple, Kiyomizu Kannon Temple และ Ueno Toshogu Shrine

หลังจากสำรวจสวนอุเอโนะและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้ว เราก็กลับไปที่สถานีอุเอโนะเพื่อเอากระเป๋า จากนั้นเราก็เดินไปที่พักที่โรงแรมโทเซ โคโคเนะ คันดะ ซึ่งอยู่ในทำเลที่ดีห่างจากสถานีอุเอโนะไม่ถึง 1 กม. หลังจากเช็คอินที่ห้องของเราและเก็บกระเป๋าแล้ว เราก็ออกเดินทางเพื่อใช้เวลาที่เหลือในช่วงบ่ายที่ Sensoji Temple และสำรวจพื้นที่อาซากุสะโดยรอบ จากนั้นเราไปที่ Tokyo Sky Tree ก่อนกลับห้องพักของเราที่โรงแรม Tosei Hotel Cocone Kanda

วันที่ 1: ค่าใช้จ่าย

1.) Suica IC Card - 579 บาทต่อคน (จองผ่าน Klook)

2.) Keisei Skyliner (รถไฟจากสนามบินนาริตะไปสถานีอุเอโนะ) - 547 บาทต่อคน (จองผ่าน Klook)

3.) ล็อกเกอร์เก็บกระเป๋าที่สถานี Ueno - ล็อกเกอร์ขนาดกลาง ราคา 135 บาท

4.) Tokyo National Museum - 620Yen ต่อคน (ประมาณ 167 บาท)

5.) National Museum of Natural History and Science - 620 ปี (ประมาณ 167 บาท)

6.) Kaneiji Temple, Kiyomizu Kannon Temple & Ueno Toshogu Shrine - เข้าชมฟรี

7.) Tokyo Sky Tree - 486 บาทต่อคน (จองผ่าน Klook)

8.) Sensoji Temple - เข้าชมฟรี

9.) Tosei Hotel Cocone Kanda - ราคาห้องพัก 2,076 บาทต่อคืน (จองผ่าน Agoda)

วันที่ 2: กำหนดการเดินทาง

เราได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ที่เราอยากไปในเมืองโตเกียวแล้ว เราจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำของเพื่อนคนหนึ่งของเราที่เคยมาเที่ยวที่นี่แล้วและไปเที่ยวคามาคุระแบบไปเช้าเย็นกลับ เรานั่งรถไฟสาย Yokosuka ไป Kurihama และลงที่สถานี Kamakura ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง เมื่อเรามาถึงสถานีคามาคุระ เราเดินออกไปที่เคาน์เตอร์ข้อมูลด้านท่องเที่ยวซึ่งเราหยิบแผนที่ของสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ พนักงานที่ให้ข้อมูลนั้นช่วยเหลือดีมาก และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในคามาคุระ และบอกหมายเลขรถบัสที่เราควรใช้เพื่อเดินทางไปได้รอบๆ

อันดับแรก เราขึ้นรถบัสหมายเลข 24 (สามารถขึ้นรถบัสหมายเลข 23 หรือ 36 ก็ได้) เดินทางไปลงที่ป้ายรถประจำทาง Jomyoji จากที่นี่ ใช้เวลาเดิน 5 นาทีไปยังวัดไผ่โฮโกคุจิ หลังจากถ่ายรูปที่วัดไผ่ Hokojuji แล้ว เราก็ไปต่อที่ Jomyoji Temple และ Sugimotodera Temple ที่อยู่ใกล้เคียง ก่อนที่เราจะเดินกลับไปที่ใจกลางเมือง Kamakura

เมื่อเรากลับมาถึงใจกลางเมืองคามาคุระ เราก็ไปเยี่ยมชม Tsurugaoka Hachimangu Shrine และบริเวณโดยรอบ ก่อนจะเดินไปตามถนน Komochi-Dori อันโด่งดังซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายของ ร้านอาหาร คาเฟ่ ของที่ระลึก และร้านขนมญี่ปุ่น หลังจากเดินไปตามความยาวของถนนโคโมจิ-โดริ เดินไปเรื่อยๆเราก็กลับมาที่ สถานีคามาคุระ และจากที่นี่ เราก็นั่งรถไฟสายเอโนเดนไปยังสถานีฮาเสะ(Hase)

ซึ่งใช้เวลาเพียงห้านาที

หลังจากมาถึงสถานี Hase เราก็เดินไปที่ Kotoku-In Temple เพื่อชมพระใหญ่ที่มีชื่อเสียง ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที จากที่นี่เราเดินไปที่ Hasedera Temple ที่อยู่ใกล้เคียงก่อนจะกลับไปที่สถานี Hase ถนนสายหลักระหว่างวัดและสถานี Hase นั้นเต็มไปด้วยร้านขายอาหารและเครื่องดื่มมากมาย

เราแวะชิมอาหารก่อนเดินทางกลับโตเกียว

เมื่อเรากลับมาที่สถานี Hase เราขึ้นรถไฟสาย Enoden กลับไปที่สถานี Kamakura และสาย Yokosuka ไปยังสถานี Shimbashi ในโตเกียว จากที่นี่ เราต้องการไปเที่ยวที่ TeamLab Borderless เราจึงนั่งรถไฟสาย Yurikamome ไปยังสถานี Aomi จากนั้นเดินจากที่นี่ไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลอาคาร MORI ซึ่งเป็นที่ตั้งของ TeamLab Borderless เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการชมนิทรรศการ TeamLab Borderless และเราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งถ้าใครได้มาเที่ยวที่โตเกียวที่นี่ห้ามพลาดจริงๆ

หลังจากใช้เวลาเดินเที่ยวถ่ายรูปกันจนเต็มอิ่มแล้วที่ TeamLab Borderless เราก็รู้สึกหิวแล้วและมีความอยากจะลิ้มลองรสชาติของอาหารที่นี่ จึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังย่าน Shinjuku ของโตเกียวเพื่อทานอาหารและดื่มด่ำกับสถานบันเทิงยามค่ำคืนของโตเกียว เรานั่งรถไฟสายรินไคจากสถานีโตเกียวเทเลพอร์ตไปยังสถานี Shinjuku เมื่อเรามาถึงเราก็เดินไปรอบๆ เพื่อลองชิมอาหารข้างทางหลายๆ อย่าง แล้วก็พบร้านอาหารสำหรับนั่งทานอาหาร ย่านชินจูกุเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการใช้เวลายามเย็นในขณะที่อยู่ในโตเกียว มีอะไรให้ดูมากมาย สามารถเดินไปรอบๆ ได้ 2-3 ชั่วโมง หลังจากสำรวจย่าน Shinjuku แล้ว เราก็กลับไปที่ห้องของเราที่ Tosei Hotel Cocone Kanda ในคืนสุดท้ายของเราที่โตเกียว

วันที่ 2: ค่าใช้จ่าย

1.) Hokokuji Temple - สวนไผ่คนละ 200 เยน (ประมาณ 52 บาท)

2.) ร้านชามัทฉะ 500 เยนต่อคน(ประมาณ 132 บาท)

3.) Jomyoji Temple - 100Yen ต่อคน (ประมาณ 26 บาท)

4.) Sugimotodera Temple - 200Yen ต่อคน (ประมาณ 52 บาท)

5.) Tsurugaoka Hachimangu Shrine - เข้าชมศาลเจ้าและบางพื้นที่เข้าฟรี พิพิธภัณฑ์ศาลเจ้า

ราคา 200Yen ต่อคน (ประมาณ 52 บาท)

6.) Kotoku-In Temple - 200Yen ต่อคน (ประมาณ 52 บาท)

7.) TeamLab Borderless - ผู้ใหญ่/เด็ก 3,200Y/1000Y (ประมาณ 840บาท/263บาท) จองที่ Klook

8.) Tosei Hotel Cocone Kanda - ราคาห้องพัก 2,076 บาทต่อคืน (จองผ่าน Agoda)

วันที่ 3: กำหนดการเดินทาง

ในวันสุดท้ายของเราที่โตเกียว เราตื่นแต่เช้าประมาณ 4:30 น. เก็บกระเป๋าของเรา และเดินไปที่สถานี Kanda ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อขึ้นรถไฟสาย JR Yamanote ไปยังสถานี Ueno จากสถานี Ueno เราขึ้นรถไฟ Keisei Skyliner ขบวนแรกเวลา 05:58 น. ไปยังสนามบิน Narita ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที หลังจากเช็คอินเที่ยวบินแล้ว เราก็มีเวลาสองสามชั่วโมงในการสำรวจสนามบิน ซื้อของที่ระลึก

และรับประทานอาหารเช้าก่อนเครื่องจะออกเวลา 10.00 น.

หลังจากเที่ยวบิน 5 ชั่วโมง 50 นาที เราก็กลับมาถึงสนามบินดอนเมืองเวลาประมาณ 13:50 น. เราเหน็ดเหนื่อยกับการเที่ยวโตเกียวมาสองสามวัน เราจึงเช็คอินที่ห้องพักของเราที่ Amari Don Muang เพื่อพักผ่อนก่อนจะบินกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น


วันที่ 3: ค่าใช้จ่าย

Keisei Skyliner (รถไฟจากสถานี Ueno ไปสนามบิน Narita ) - 551 บาทต่อท่าน (จองผ่าน Klook)

คำแนะนำ

หากคุณพักในโตเกียว เราขอแนะนำโรงแรม Tosei Hotel Cocone Kanda เพราะสะอาดและสะดวกสบายพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและการบริการที่ดีพึงพอใจเป็นอย่างมาก และยังอยู่ในทำเลใจกลางเมือง และเราจะกลับมาพักที่นี่อีกแน่นอน โรงแรม Tosei Hotel Cocone

ดาว: ⭐⭐⭐

คะแนนรีวิว: Excellent (8.6)

ราคา: 1,800++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรมในอุเอโนะ โตเกียว คุณสามารถอ่านบล็อกโพสต์ของเรา ⬇️


📍 คลิกเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียวผ่าน Klook ⬇️


#japan #tokyo #kamakura #aworldexplored #traveljapan #โตเกียว #ญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง #เที่ยวด้วยตัวเอง #เที่ยวเอง #เที่ยวเมืองคามาคุระ #เที่ยวชินจุกุ #เดินทางไปชินจุกุ #ที่พักอุอิโนะ #ที่พักโตกเกียว #ที่เที่ยวโตเกียว #โรงแรมใกล้ที่เที่ยวในโตเกียว


ดู 4,276 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


bottom of page